บทสรุป
ภาพรวมตลาดการเงินทั่วโลก
====================
วันอังคาร
ข่าวการแถลงของเฟด
ตามคาดคือ การปล่อยสินเชื่อสำหรับหุ้นกู้
วันพุธ
การประกาศตัวเลขนอนฟาร์ม แย่
แต่ข่าววัคซีนที่ออกมาดี
วันพฤหัส
ช่วงบ่ายEU ดีดตัวสูง รอบสองต่อจากเมื่อวาน
เรื่อง การประกาศตัวเลขว่างงาน+วัคซีนเมื่อวาน
กดดันดาวโจนส์ฟิวเจอ ทำให้ดีดตัวสูงขึ้นตาม
ตอนเย็น 19:30 ประกาศนอนฟาร์ม ตัวเลข
ออกมาดีตามคาด และถูกตบกลับด้วย
ข่าวยอดผู้ติดเชื่อที่พุ่งสูงขึ้นตามคาดอีกเช่นกัน
=========================
โอกาสการลงทุน
ตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อของสหรัฐฯกำลังกดดัน
ตลาดอย่างหนัก หากสหรัฐฯไม่สามารถควบคุม
จำนวนที่เพิ่มขึ้นได้ ตลาดอาจจะต้องมีการเทครั้ง
ใหญ่อีกครั้ง
SET ไทยเช้านี้คาดว่าจะติดลบ
หาจังหวะชอต สั้น ตอนตลาดเปิด
คาดว่าภาคบ่ายการประกาศตัวเลข
PMI ของEU จะไม่มีผลต่อกราฟมากนัก
ตลาดอยู่ในภาวะเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้
ต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อ และกราฟ
ของจำนวนผู้ติดเชื้อ
AUDUSD อาจร่วง คาดธนาคาร กลาง
อาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ในวันที่7 + ปัญหาสหรัฐฯ
กดดันจีนเรื่องฮ่องกง
น้ำมัน กลุ่มโอเปกมีท่าทีจะไม่ลดกำลังการผลิต
ขณะที่ยอดผู้เชื้อสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้น
แต่กราฟกำลังไต่ระดับอย่างค่อยเป็นค่อยไป
มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเทรวดเดียว วันที่ 30-2 /7/63
=========================
วันอังคาร
ข่าวการแถลงของเฟด
ตามคาดคือ การปล่อยสินเชื่อสำหรับหุ้นกู้
วันพุธ
การประกาศตัวเลขนอนฟาร์ม แย่
แต่ข่าววัคซีนที่ออกมาดี
วันพฤหัส
ช่วงบ่ายEU ดีดตัวสูง รอบสองต่อจากเมื่อวาน
เรื่อง การประกาศตัวเลขว่างงาน+วัคซีนเมื่อวาน
กดดันดาวโจนส์ฟิวเจอ ทำให้ดีดตัวสูงขึ้นตาม
ตอนเย็น 19:30 ประกาศนอนฟาร์ม ตัวเลข
ออกมาดีตามคาด และถูกตบกลับด้วย
ข่าวยอดผู้ติดเชื่อที่พุ่งสูงขึ้นตามคาดอีกเช่นกัน
=========================
โอกาสการลงทุน
ตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อของสหรัฐฯกำลังกดดัน
ตลาดอย่างหนัก หากสหรัฐฯไม่สามารถควบคุม
จำนวนที่เพิ่มขึ้นได้ ตลาดอาจจะต้องมีการเทครั้ง
ใหญ่อีกครั้ง
SET ไทยเช้านี้คาดว่าจะติดลบ
หาจังหวะชอต สั้น ตอนตลาดเปิด
คาดว่าภาคบ่ายการประกาศตัวเลข
PMI ของEU จะไม่มีผลต่อกราฟมากนัก
ตลาดอยู่ในภาวะเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้
ต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อ และกราฟ
ของจำนวนผู้ติดเชื้อ
AUDUSD อาจร่วง คาดธนาคาร กลาง
อาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ในวันที่7 + ปัญหาสหรัฐฯ
กดดันจีนเรื่องฮ่องกง
น้ำมัน กลุ่มโอเปกมีท่าทีจะไม่ลดกำลังการผลิต
ขณะที่ยอดผู้เชื้อสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้น
แต่กราฟกำลังไต่ระดับอย่างค่อยเป็นค่อยไป
มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเทรวดเดียว
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563
บทวิเคราะห์โจรชิงทองลพบุรี
โจรเหี้ยมฆ่า3ศพ
หลังจากเกิดเหตุ14วันล่าสุด ตำรวจก็สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่กลับเซอร์ไพร์ส เมื่อโจรเป็นถึงระดับผอ.โรงเรียน มีหน้ามีตา โปรไฟล์ดี เมียสวย ขับรถสปอร์ต ชื่นชอบรองเท้าอดิดาส (ไม่รู้ยอดขายจะตกหรือเปล่า555)
ผอ.ยอมรับสารภาพข้อกล่าวหาทั้งหมด แบบว่าถ้าเป็นเราคงคิดว่า "เห้ย ยอมง่ายจัง" คือโอกาสน้อยมากที่จะตามเจอ แต่สุดท้ายแล้วน่าจะเป็นคนใกล้ชิดนั้นแหละที่วิเคราะห์รูปร่างท่าทาง นิสัย แล้วส่งข้อมูลให้ตำรวจ คนปล้นทองไม่รวยหรอก ได้แค่6แสน แถมยังเอาไปขายไม่ได้ต้องเอาทองไปหลอมไปทำนู้นนี่นั่นอีก คนที่แจ้งจับอ่ะรวยชัวร์ๆได้เป็นล้าน
สาเหตุของการปล้นน่าจะมาจากหนี้สินล้นตัว ดูจากไลฟ์สไตล์ชีวิตติดหรู บวกกับงานแต่งที่เพิ่งจะมีไม่นาน คงกู้หนี้ยืมสิน มาเป็นค่าสินสอด หมดไปเฉียดล้าน ลำพังเงินเดือนผอ.ที่ได้คงไม่พอใช้ ปล้นแม่งเลย แต่ทำไมต้องฆ่าคนด้วย? เป็นคำถามที่จริงๆก็รู้คำตอบแหละ เพราะช่วยให้หนีง่ายขึ้น ขนาดว่ายิงคนไปตั้งหลายคน ยังหนีไม่รอดเลย กล้องวงจรปิดสู้ หูตาของคนในสังคมไม่ได้
ข้อคิดเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
"อย่าติดหรู เพราะลุงตู่อยู่ยาว"
หลังจากเกิดเหตุ14วันล่าสุด ตำรวจก็สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่กลับเซอร์ไพร์ส เมื่อโจรเป็นถึงระดับผอ.โรงเรียน มีหน้ามีตา โปรไฟล์ดี เมียสวย ขับรถสปอร์ต ชื่นชอบรองเท้าอดิดาส (ไม่รู้ยอดขายจะตกหรือเปล่า555)
ผอ.ยอมรับสารภาพข้อกล่าวหาทั้งหมด แบบว่าถ้าเป็นเราคงคิดว่า "เห้ย ยอมง่ายจัง" คือโอกาสน้อยมากที่จะตามเจอ แต่สุดท้ายแล้วน่าจะเป็นคนใกล้ชิดนั้นแหละที่วิเคราะห์รูปร่างท่าทาง นิสัย แล้วส่งข้อมูลให้ตำรวจ คนปล้นทองไม่รวยหรอก ได้แค่6แสน แถมยังเอาไปขายไม่ได้ต้องเอาทองไปหลอมไปทำนู้นนี่นั่นอีก คนที่แจ้งจับอ่ะรวยชัวร์ๆได้เป็นล้าน
สาเหตุของการปล้นน่าจะมาจากหนี้สินล้นตัว ดูจากไลฟ์สไตล์ชีวิตติดหรู บวกกับงานแต่งที่เพิ่งจะมีไม่นาน คงกู้หนี้ยืมสิน มาเป็นค่าสินสอด หมดไปเฉียดล้าน ลำพังเงินเดือนผอ.ที่ได้คงไม่พอใช้ ปล้นแม่งเลย แต่ทำไมต้องฆ่าคนด้วย? เป็นคำถามที่จริงๆก็รู้คำตอบแหละ เพราะช่วยให้หนีง่ายขึ้น ขนาดว่ายิงคนไปตั้งหลายคน ยังหนีไม่รอดเลย กล้องวงจรปิดสู้ หูตาของคนในสังคมไม่ได้
ข้อคิดเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
"อย่าติดหรู เพราะลุงตู่อยู่ยาว"
อลาสก้า ดินแดนที่น่าหลงไหล
อลาสก้า ดินแดนที่น่าหลงไหล
ประวัติของอลาสก้า
แต่เดิมเป็นเขตของรัสเซียที่สำรวจก่อนอเมริกานิดหน่อย อเมริกาเสนอซื้อดินแดนนี้ในราคา 7 ล้านดอล ถูกมาก จนคนรัสเซียคิดว่าบ้าไปแล้วขายไปทำไม ส่วนคนอมเริกาก็หัวเราะเยาะผู้นำว่า รับสินบนหรือเปล่า จ่ายเงินเพื่อซื้อก้อนน้ำแข็งเนี่ยนะ แต่แล้วประมาณศตวรรษที่19 มีการค้นพบ ทองคำ คนจากทั่วทุกสารทิศ แห่มาขุดทอง ขุดๆๆ พอทองหมดก็ย้ายเมืองต่อ คนที่รวยไม่ใช่คนขุด แต่กลับเป็นร้านค้าที่มาขายอุปกรณ์ขุด ร้านอาหาร ร้านรับซักผ้า คนขุด ขุดหลังแทบหักไม่รวยสักคน
นอกจากทองคำ ยังมีน้ำมัน ซึ่งรัสเซียคงจะเสียดายไม่น้อย ดินแดนแห่งนี้หนาวเหน็บ และมีประชากรเพียง 7 แสนคน 2 กิโลเมตร จะเจอคนอยู่ 1 คน แบบว่าเนื้อที่เหลือกินเหลือใช้ ใครอยากจะไปปลูกบ้านอยู่ก็เลือกเอาได้เลย
ในยุคตื่นทองมีเรื่องน่าประทับใจ เมื่อ เมืองNOME โนม เมืองยอดนิยมแห่งใหม่ของนักขุด เจอโรคไทรอยส์ระบาดเด็กพากันป่วยและกำลังจะตายไปทีละคนสอง ถูกกักไว้ในโรงพยาบาล พายุหิมะกำลังถล่มในฤดูหนาว ทางเดียวที่จะรอดคือ ใช้รถเลื่อนที่เอามาไซบีเรียนลาก เดินทางข้าม พายุหิมะระยะทาง600 กิโลเมตร ไปกลับก็พันกว่า ไปเอาเซรั่ม มีรถลาก 19 คน สุนัข 150ตัว ช่วยกันส่งต่อกัน พระเอกของงานคือ คุณเซปต้า กับหมาจ่าฝูงนำขบวนชื่อ โตโก เขาคือแชมป์โลกรถลากเลื่อน เขาต้องเดินทางในช่วงที่อันตรายที่สุดคือ ข้ามทะเลสาปน้ำแข็งและภูเขาที่สูงชัน ระยะทาง 150 กิโลเมตร ไปกลับ 300 กิโล เขาขับรถลากผ่านทะเลสาปน้ำแข็งตลอดทั้งคืนโดยที่ไม่มีแสงไฟสักดวง ข้ามภูเขาสูงเขา ฝ่าพายุที่แรงระดับ 105 กม./ชม บางคนใน19ทีม หน้าดำเพราะโดนน้ำแข็งกัด มือแข็งติดกับรถลากต้องเอาน้ำร้อนราด แต่ละคนเดินทางเพียง 19-20 กิโลเมตร มีเพียง 1 เดียวคือแชมป์โลก เขาเดินทาง300 กิโลเมตร ในเวลาเพียง 24 ชม. (ดูหนังจะอินมากกก) แน่นอนว่า เซปตา โตโก และทีมลาก คือฮีโร่ของเมือง
หน้าหนาวในอลาสก้าโหดร้ายมาก ติดลบ 50-60 องศา เคยมีเพื่อนอยู่อลาสก้าคนหนึ่ง ช่วงที่ประเทศไทยเจอพายุตอนเมษา ประมาณปี2017 ช่วงที่อากาศ ลงไปที่3-4 องศาจนฮิตเตอร์ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ได้อยู่กับฝรั่งคนนี้ที่อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาๆตลอดทั้งวัน มือเท้านี่เกร็ง ส่วนฝรั่งอลาสก้าคนนี้ใส่เสื้อยืดจ้า เสื้อยืดตัวเดียวโดดๆเลย ถามมันว่าไม่หนาวเหรอ มันตอบว่า แบบนี้แหละอากาศกำลังดี
อลาสก้ามีแสงเหนือ แล้วเพื่อนฝรั่งยังบอกอีกว่า ปลาแซลม่อนจะกินตอนไหนก็ได้ แค่มันไปที่ริมทะเล เอาเบ็ดโง่ๆ10บาท กับเศษขนมปัง ก็ตกปลาแซลม่อนได้แล้ว คือ มีเยอะมาก มีทั้งปลา มีทั้งปูอลาสก้า มีอาหารทะเลเพียบ อิจฉาเว่อร์ ที่นั่นกลางคืนมีแค่ 4 ชม. ที่เหลือที่จะเป็นแสงแบบมัวๆ ครึ้มๆ อยู่อลาสน่าจะขาวน่าดูไม่โดนแดดเลย
ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเที่ยวอลาสก้าสักครั้ง ไปขี่รถลาก (ทำไมประเทศไทยไม่เห็นมีใครเอาเจ้าไซมาทำรถลากเลยอ่ะ) ไปตกปลา ไปนั่งโง่ๆริมตลิ่ง แดกปูอลาสก้า ตัวละ10บาทมั้งอยู่โน้นน่าจะถูก 555 หนีจากไปอยู่เลยได้ป่าวนะ แบบว่าไปเที่ยวแล้วอยู่ยาวงี้ เป็นแรงงานเถื่อนในเรือจับปูอลาสก้ายาวๆ 5555
ประวัติของอลาสก้า
แต่เดิมเป็นเขตของรัสเซียที่สำรวจก่อนอเมริกานิดหน่อย อเมริกาเสนอซื้อดินแดนนี้ในราคา 7 ล้านดอล ถูกมาก จนคนรัสเซียคิดว่าบ้าไปแล้วขายไปทำไม ส่วนคนอมเริกาก็หัวเราะเยาะผู้นำว่า รับสินบนหรือเปล่า จ่ายเงินเพื่อซื้อก้อนน้ำแข็งเนี่ยนะ แต่แล้วประมาณศตวรรษที่19 มีการค้นพบ ทองคำ คนจากทั่วทุกสารทิศ แห่มาขุดทอง ขุดๆๆ พอทองหมดก็ย้ายเมืองต่อ คนที่รวยไม่ใช่คนขุด แต่กลับเป็นร้านค้าที่มาขายอุปกรณ์ขุด ร้านอาหาร ร้านรับซักผ้า คนขุด ขุดหลังแทบหักไม่รวยสักคน
นอกจากทองคำ ยังมีน้ำมัน ซึ่งรัสเซียคงจะเสียดายไม่น้อย ดินแดนแห่งนี้หนาวเหน็บ และมีประชากรเพียง 7 แสนคน 2 กิโลเมตร จะเจอคนอยู่ 1 คน แบบว่าเนื้อที่เหลือกินเหลือใช้ ใครอยากจะไปปลูกบ้านอยู่ก็เลือกเอาได้เลย
ในยุคตื่นทองมีเรื่องน่าประทับใจ เมื่อ เมืองNOME โนม เมืองยอดนิยมแห่งใหม่ของนักขุด เจอโรคไทรอยส์ระบาดเด็กพากันป่วยและกำลังจะตายไปทีละคนสอง ถูกกักไว้ในโรงพยาบาล พายุหิมะกำลังถล่มในฤดูหนาว ทางเดียวที่จะรอดคือ ใช้รถเลื่อนที่เอามาไซบีเรียนลาก เดินทางข้าม พายุหิมะระยะทาง600 กิโลเมตร ไปกลับก็พันกว่า ไปเอาเซรั่ม มีรถลาก 19 คน สุนัข 150ตัว ช่วยกันส่งต่อกัน พระเอกของงานคือ คุณเซปต้า กับหมาจ่าฝูงนำขบวนชื่อ โตโก เขาคือแชมป์โลกรถลากเลื่อน เขาต้องเดินทางในช่วงที่อันตรายที่สุดคือ ข้ามทะเลสาปน้ำแข็งและภูเขาที่สูงชัน ระยะทาง 150 กิโลเมตร ไปกลับ 300 กิโล เขาขับรถลากผ่านทะเลสาปน้ำแข็งตลอดทั้งคืนโดยที่ไม่มีแสงไฟสักดวง ข้ามภูเขาสูงเขา ฝ่าพายุที่แรงระดับ 105 กม./ชม บางคนใน19ทีม หน้าดำเพราะโดนน้ำแข็งกัด มือแข็งติดกับรถลากต้องเอาน้ำร้อนราด แต่ละคนเดินทางเพียง 19-20 กิโลเมตร มีเพียง 1 เดียวคือแชมป์โลก เขาเดินทาง300 กิโลเมตร ในเวลาเพียง 24 ชม. (ดูหนังจะอินมากกก) แน่นอนว่า เซปตา โตโก และทีมลาก คือฮีโร่ของเมือง
หน้าหนาวในอลาสก้าโหดร้ายมาก ติดลบ 50-60 องศา เคยมีเพื่อนอยู่อลาสก้าคนหนึ่ง ช่วงที่ประเทศไทยเจอพายุตอนเมษา ประมาณปี2017 ช่วงที่อากาศ ลงไปที่3-4 องศาจนฮิตเตอร์ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ได้อยู่กับฝรั่งคนนี้ที่อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาๆตลอดทั้งวัน มือเท้านี่เกร็ง ส่วนฝรั่งอลาสก้าคนนี้ใส่เสื้อยืดจ้า เสื้อยืดตัวเดียวโดดๆเลย ถามมันว่าไม่หนาวเหรอ มันตอบว่า แบบนี้แหละอากาศกำลังดี
อลาสก้ามีแสงเหนือ แล้วเพื่อนฝรั่งยังบอกอีกว่า ปลาแซลม่อนจะกินตอนไหนก็ได้ แค่มันไปที่ริมทะเล เอาเบ็ดโง่ๆ10บาท กับเศษขนมปัง ก็ตกปลาแซลม่อนได้แล้ว คือ มีเยอะมาก มีทั้งปลา มีทั้งปูอลาสก้า มีอาหารทะเลเพียบ อิจฉาเว่อร์ ที่นั่นกลางคืนมีแค่ 4 ชม. ที่เหลือที่จะเป็นแสงแบบมัวๆ ครึ้มๆ อยู่อลาสน่าจะขาวน่าดูไม่โดนแดดเลย
ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเที่ยวอลาสก้าสักครั้ง ไปขี่รถลาก (ทำไมประเทศไทยไม่เห็นมีใครเอาเจ้าไซมาทำรถลากเลยอ่ะ) ไปตกปลา ไปนั่งโง่ๆริมตลิ่ง แดกปูอลาสก้า ตัวละ10บาทมั้งอยู่โน้นน่าจะถูก 555 หนีจากไปอยู่เลยได้ป่าวนะ แบบว่าไปเที่ยวแล้วอยู่ยาวงี้ เป็นแรงงานเถื่อนในเรือจับปูอลาสก้ายาวๆ 5555
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)